
สวัสดีครับเพื่อนๆ นักถ่ายภาพและครีเอเตอร์ทุกคน วันนี้ ZETA มีเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับไฟ COB มาแชร์กัน หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ แต่ยังไม่รู้ว่ามันดียังไง และทำไมถึงกำลังได้รับความนิยมมากในวงการถ่ายภาพและวิดีโอ
COB LED คืออะไร?
COB (Chip on Board) LED เป็นเทคโนโลยีที่รวมชิป LED หลายๆ ตัวไว้บนแผงวงจรเดียวกัน ทำให้ได้แสงที่สว่างจ้า นุ่มนวล และสม่ำเสมอ ต่างจากไฟ LED แบบเดิมๆ ที่เราจะเห็นเป็นจุดๆ
จุดเด่นของไฟ COB ที่ทำให้ครีเอเตอร์หลงรัก
1.แสงนุ่มนวล ไม่แยงตา
- ให้แสงที่กระจายสม่ำเสมอ ไม่เกิดเงาแข็ง
- ไม่มีปัญหาแสงกระพริบ (Flicker) เวลาถ่ายวิดีโอ
- เหมาะกับการถ่ายพอร์ตเทรตและคอนเทนต์ความงาม
2.ประหยัดพลังงานสูง
- ใช้ไฟน้อยกว่าไฟแบบเดิม 30-50%
- แบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้น ถ่ายได้ต่อเนื่อง
- ไม่ร้อนมาก ปลอดภัยกว่า
3.ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก
- น้ำหนักเบา ไม่กินพื้นที่
- เซ็ตอัพง่าย ย้ายจุดถ่ายได้คล่อง
- เหมาะกับการถ่ายนอกสถานที่

เปรียบเทียบไฟ COB กับไฟประเภทอื่น
1. COB LED vs Traditional LED Panel
- COB: แสงนุ่ม กระจายสม่ำเสมอ ไม่มีเงาซ้อน
- LED Panel: แสงแข็ง อาจเกิดเงาซ้อน ต้องใช้ตัวกระจายแสง
2. COB LED vs Fluorescent
- COB: ประหยัดไฟ อายุการใช้งานยาวนาน ควบคุมสีได้แม่นยำ
- Fluorescent: กินไฟมาก อายุสั้น สีอาจคลาดเคลื่อน
3. COB LED vs Tungsten
- COB: ไม่ร้อน ประหยัดไฟ ปรับอุณหภูมิสีได้
- Tungsten: ร้อนมาก กินไฟเยอะ อุณหภูมิสีคงที่
เทคนิคการเลือกไฟ COB ให้เหมาะกับงาน
- ดูค่า CRI (Color Rendering Index)
- แนะนำ CRI 95+ สำหรับงานถ่ายภาพและวิดีโอ
- ยิ่งค่าสูง สีที่ได้ยิ่งใกล้เคียงธรรมชาติ
- เช็คกำลังวัตต์และความสว่าง
- 30W-60W: เหมาะกับ Vlog และคอนเทนต์ขนาดเล็ก
- 100W ขึ้นไป: สำหรับงานสตูดิโอและการถ่ายทำขนาดใหญ่
- ดูฟีเจอร์การควบคุม
- ปรับความสว่างแบบ Stepless
- ควบคุมผ่านแอพมือถือได้
- มีเอฟเฟกต์แสงในตัว
สรุป: ทำไมต้องใช้ไฟ COB?
ไฟ COB นับเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ครีเอเตอร์ยุคใหม่ ด้วยคุณสมบัติที่ให้แสงนุ่มนวล ประหยัดพลังงาน และใช้งานง่าย ทำให้การถ่ายภาพและวิดีโอมีคุณภาพดีขึ้น แม้จะมีราคาสูงกว่าไฟ LED ทั่วไป แต่ด้วยประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในระยะยาว ทำให้ไฟ COB กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมของครีเอเตอร์มืออาชีพ