ใครที่ชอบถ่ายภาพหรือวิดีโอด้วยมือถือ น่าจะคุ้นชื่อ Fotorgear กันดีอยู่แล้ว เพราะแบรนด์นี้ไม่ได้มีดีแค่เลนส์เสริมคุณภาพสูง แต่ยังมี “แอปถ่ายภาพ” ของตัวเองที่ชื่อว่า Fotorgear App
ล่าสุด แอปนี้เพิ่งปล่อยอัปเดตเวอร์ชันใหม่ 5.0.0 ที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนโฉมแทบทั้งหมด ทั้งหน้าตา การใช้งาน และความสามารถที่ใกล้เคียงกล้องมือโปรแบบเต็มขั้น
Fotorgear คืออะไร ทำไม Creator ถึงใช้กันเยอะ?
Fotorgear App เป็นแอปกล้องที่ให้ผู้ใช้ควบคุมการถ่ายภาพได้แบบ “แมนนวลเต็มรูปแบบ” เหมือนถือกล้องจริง
คุณสามารถปรับค่า Shutter Speed, ISO, โฟกัส, White Balance หรือแม้แต่ถ่ายภาพแบบ RAW ได้โดยตรงจากมือถือ
และแน่นอน แอปนี้ออกแบบมาให้เข้ากับอุปกรณ์เสริมของแบรนด์เดียวกัน เช่น
- เลนส์ Macro 75mm / 100mm สำหรับถ่ายใกล้ระดับเส้นผม
- เลนส์ Telephoto 400mm สำหรับซูมระยะไกล
- เลนส์ Anamorphic 1.55x สำหรับถ่ายวิดีโอแนวหนัง
เรียกได้ว่า Fotorgear App เป็นเหมือน “สมองหลัก” ที่ทำให้เลนส์เสริมของ Fotorgear ทำงานได้เต็มศักยภาพที่สุด
อะไรใหม่ในเวอร์ชัน 5.0.0
การอัปเดตครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพิ่มลูกเล่นเล็กน้อย แต่คือ “การยกเครื่องครั้งใหญ่” ของระบบทั้งหมด เพื่อให้ตอบโจทย์ Creator มากขึ้น
อินเทอร์เฟซใหม่หมดจด
หน้าจอและเมนูถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด ดูโปรกว่าเดิมแต่ใช้งานง่ายขึ้นมาก
ปุ่มต่าง ๆ ถูกจัดตำแหน่งใหม่ให้เข้าถึงไวกว่าเวอร์ชันก่อน โดยเฉพาะแถบโฟกัสและการปรับค่าแสงที่ตอนนี้ตอบสนองได้ไวและแม่นกว่าเดิม
เพิ่มโหมดถ่ายภาพใหม่
เวอร์ชันใหม่นี้เพิ่มทั้งโหมด Portrait Mode สำหรับภาพบุคคลที่ละลายหลังได้สวยขึ้น
และโหมด Multiple Exposure ที่ให้คุณถ่ายภาพซ้อนหลายเฟรมในช็อตเดียว — สายศิลป์หรือสายกล้องฟิล์มต้องถูกใจแน่นอน
โหมด Burst Mode ถ่าย RAW ต่อเนื่อง
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่หลายคนรอมานาน คือการถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 8 ภาพต่อวินาที
และที่เจ๋งกว่านั้นคือทุกภาพสามารถบันทึกเป็นไฟล์ RAW ได้หมด เหมาะกับการเก็บช็อตแอ็กชันหรือการถ่ายสัตว์ที่เคลื่อนไหวเร็ว
ระบบ AI Depth of Field
AI ตัวใหม่ช่วยตรวจจับระยะชัดลึกของภาพได้แม่นยำขึ้น
คุณสามารถปรับความเบลอของฉากหลังภายหลังได้ แม้จะไม่ถ่ายในโหมด Portrait — เป็นฟีเจอร์ที่ใกล้เคียงกล้องโปรมาก
ฟีเจอร์วิดีโอระดับโปร
ในโหมดวิดีโอ คุณสามารถเลือกอัตราส่วนแบบ Cinematic Ratio (2.35:1 / 2.76:1) ได้โดยตรง
เหมาะกับคนที่ใช้เลนส์ Anamorphic เพื่อถ่ายวิดีโอแนวหนัง และยังเพิ่มระบบกันสั่นใหม่ที่นิ่งขึ้นแบบ Cinematic Stabilization
อีกทั้งยังมีระบบ “Reference Ratio” ที่ช่วยให้จัดเฟรมภาพได้แม่นยำกว่าเดิม
ระบบ LUTs และการปรับสี
Creator สายเกรดสีจะชอบมาก เพราะตอนนี้สามารถนำเข้า LUT หลายไฟล์พร้อมกันได้ (Batch Import LUTs)
และยังคัดลอกจุดแก้ไขสีจากคลิปหนึ่งไปอีกคลิปได้แบบรวดเร็ว ไม่ต้องมานั่งปรับทีละจุด
เสถียรและลื่นกว่าเดิม
ทีมพัฒนาแก้บั๊กที่เคยมีในเวอร์ชันก่อน เช่น การตั้งค่าหลุดหลังสลับโหมด หรือไฟล์วิดีโอเขียนช้า
ตอนนี้โหลดไวขึ้น ลื่นกว่าเดิม และไม่ค้างแม้จะถ่ายวิดีโอต่อเนื่องนาน
ฟีเจอร์เด่นที่ยังอยู่ครบ
ของดีจากเวอร์ชันเก่าไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ครบทั้งหมด
ทั้งการปรับแมนนวลทุกค่า, การถ่าย RAW, ฟิลเตอร์เรียลไทม์, Histogram, Focus Peaking, Time-lapse, Motion Blur, Light Trail, รวมถึงการถ่ายวิดีโอ 4K 60fps และบันทึกแบบ LOG สำหรับเกรดสีในภายหลัง
เรียกได้ว่า Fotorgear App 5.0.0 คือการ “ต่อยอด” จากเวอร์ชันเดิมแบบไม่ทิ้งจุดแข็งเดิมเลย
ใช้งานจริงแล้วเป็นยังไง?
จากเสียงรีวิวของผู้ใช้ใน App Store และ Reddit หลายคนพูดตรงกันว่า
“แอปลื่นขึ้นมาก” และ “โหมดใหม่ทำให้ถ่ายสนุกขึ้นกว่าเดิม”
โดยเฉพาะ AI Depth และ Burst Mode ที่ถูกยกให้เป็นฟีเจอร์ไฮไลต์ของเวอร์ชันนี้
บางคนถึงกับบอกว่า Fotorgear เวอร์ชันใหม่คือการรวมข้อดีของ FiLMiC Pro กับ ProCam เข้าด้วยกัน — แต่ฟรี
ข้อจำกัดตอนนี้คือยังมีเฉพาะบน iOS เท่านั้น ส่วน Android ยังไม่มีเวอร์ชันอย่างเป็นทางการ
รวมๆแล้ว
การอัปเดตเวอร์ชัน 5.0.0 ของ Fotorgear App ถือว่า “คุ้มมาก” สำหรับคนที่จริงจังกับการถ่ายภาพหรือวิดีโอด้วยมือถือ
เพราะมันไม่ได้แค่หน้าตาใหม่ แต่เพิ่มเครื่องมือที่ช่วยให้ภาพดูโปรขึ้นอย่างชัดเจน
AI ช่วยโฟกัสได้แม่นขึ้น โหมดถ่ายซ้อนเพิ่มความสร้างสรรค์ และระบบวิดีโอใหม่ก็เหมาะกับสายหนังสุด ๆ
ถ้าคุณใช้ Fotorgear อยู่แล้ว — อัปเดตเลยครับ
แต่ถ้ายังไม่เคยใช้ แอปนี้คือหนึ่งในแอปกล้องฟรีที่คุณควรลองที่สุดในปี 2025
สินค้าแนะนำที่ใช้ร่วมกับแอป Fotorgear
