
เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางครั้งถ่ายรูปสินค้าแล้วสีออกมาไม่สวย ไม่ตรงปก? วันนี้ ZETA มีคำตอบมาฝาก มาทำความรู้จักกับค่า CRI ในไฟถ่ายภาพกัน
CRI คืออะไร?
CRI (Color Rendering Index) คือค่าที่บอกความสามารถของแหล่งกำเนิดแสงในการแสดงสีของวัตถุได้เที่ยงตรงแค่ไหน โดยมีค่าตั้งแต่ 0-100 ยิ่งค่าเข้าใกล้ 100 เท่าไหร่ แสดงว่าไฟดวงนั้นให้สีที่ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด
ทำไม CRI ถึงสำคัญในการถ่ายภาพ?
- สีที่เห็นคือสีที่ใช่
- ไฟที่มีค่า CRI สูงช่วยให้เห็นสีสินค้าได้ตรงตามความเป็นจริง
- ลดปัญหาลูกค้าบ่นว่าสินค้าที่ได้สีไม่ตรงรูป
- ประหยัดเวลาในการแต่งภาพ
- ไม่ต้องมานั่งปรับแก้สีในโปรแกรมแต่งภาพให้เสียเวลา
- ถ่ายปุ๊บ ได้สีสวยปั๊บ พร้อมขายเลย

ค่า CRI แบ่งเป็นกี่ระดับ?
- CRI 90-100: คุณภาพระดับสตูดิโอมืออาชีพ เหมาะสำหรับถ่ายภาพสินค้าที่ต้องการความแม่นยำของสีสูง
- CRI 80-89: คุณภาพดี เหมาะสำหรับถ่าย Vlog หรือคอนเทนต์ทั่วไป
- CRI 70-79: คุณภาพปานกลาง ใช้งานทั่วไปได้ แต่อาจมีการคลาดเคลื่อนของสีบ้าง
- CRI ต่ำกว่า 70: ไม่แนะนำสำหรับงานถ่ายภาพ
เคล็ดลับเลือกไฟถ่ายภาพให้โดนใจ
- เช็คค่า CRI ก่อนซื้อทุกครั้ง
- สำหรับมือใหม่แนะนำ CRI 80+
- ถ้าทำคอนเทนต์จริงจัง ควรเลือก CRI 90+
- ดูให้เหมาะกับงาน
- ถ่ายอาหาร เครื่องสำอาง ต้องใช้ไฟ CRI สูง
- ถ่าย Vlog ทั่วไป CRI 80+ ก็เพียงพอ
มาตรฐานการวัดคุณภาพแสงอื่นๆ ที่น่ารู้
- TLCI (Television Lighting Consistency Index)
- มาตรฐานที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับกล้องดิจิตอลโดยเฉพาะ
- วัดค่าได้แม่นยำกว่า CRI เพราะวัดการตอบสนองของเซนเซอร์กล้อง
- มีค่าตั้งแต่ 0-100 เหมือน CRI
- TM-30
- มาตรฐานใหม่ที่ละเอียดกว่า CRI
- วัดค่าสีได้ถึง 99 สี (CRI วัดแค่ 8-15 สี)
- มีค่า Rf (ความแม่นยำของสี) และ Rg (ความอิ่มตัวของสี)
- SSI (Spectral Similarity Index)
- มาตรฐานที่วัดความใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติ
- เหมาะสำหรับการถ่ายภาพที่ต้องการความเป็นธรรมชาติสูง
สรุป
ค่า CRI เป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้งานถ่ายภาพของคุณออกมาสวยเป๊ะ ตรงปก ไม่ต้องเสียเวลาแต่งสีให้ปวดหัว ถ้าอยากได้ไฟถ่ายภาพดีๆ อย่าลืมเช็คค่า CRI ก่อนซื้อทุกครั้งนะ
#CRI #ZetaShopOnline #ไฟถ่ายภาพ #อุปกรณ์ถ่ายภาพ #ถ่ายรูปอาหาร